ประวัติวันเข้าพรรษา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

     สำหรับความเป็นมาและประวัติวันเข้าพรรษา เราขอเล่าประวัติแบบย่อ ๆ คือ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังไม่ได้กำหนดให้มีการจำพรรษาในวันเข้าพรรษา โดยพระสงฆ์ต่างพากันเดินทางออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาตามสถานที่ต่าง ๆ แบบไม่หยุดหย่อนไม่มีย่อท้อแม้แต่นิดเดียว ทั้งฤดูหนาว ฤดูฝน และฤดูร้อน แม้ต้องเดินทางไปในที่กันดานแค่ไหนก็ตาม การเดินทางบางครั้งต้องผ่านชุมชนบ้านเรือนของชาวบ้าน จนทำให้ชาวบ้านพากันติเตียนพระสงฆ์ว่าจะไม่มีการหยุดเดินทางแม้แต่ช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านทำไร่ทำนา พระสงฆ์อาจจะไปเหยียบย่ำข้าวกล้า ที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ ๆ จนทำให้เกิดความเสียหายได้ 

และเมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน พระพุทธเจ้าจึงได้วางระเบียบ โดยให้พระสงฆ์ประจำอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่ง ในช่วงฤดูฝน ซึ่งที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน พระสงฆ์ที่เข้าจำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ หรือเรียกว่า “จำพรรษา” นั่นเอง แต่ถ้ามีเหตุธุระจำเป็นอันชอบด้วยพระวินัย สามารถเดินทางออกไปได้แต่จะต้องกลับมายังวัดเดิมภายใน 7 วัน ก่อนรุ่งสว่าง ถ้าหากกลับมาไม่ทันเวลาก็จะถือว่าพระสงฆ์รูปนั้น “ขาดพรรษา” ทั้งนี้ หากพุทธศาสนิกชนอยากจะฟังเทศน์ฟังธรรมก็ให้เข้ามาที่วัด 

ทั้งนี้ กรณีที่พระสงฆ์ผู้ที่จำพรรษาสามารถออกไปค้างอื่นได้ ด้วยเหตุผลดังนี้

  • พระสงฆ์เจ็บป่วยจะต้องไปรักษา หรือกรณีที่บิดามารดาที่เจ็บป่วย
  • การเดินทางออกไปเพื่อระงับไม่ให้พระภิกษุสึก
  • เพื่อออกไปทำกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การออกไปซื้ออุปกรณ์มาเพื่อซ่อมกุฏิที่ชำรุด
  • กรณีที่ทายกนิมนต์ไปทำบุญ เพื่อไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขา  (ทายก คือ ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร หากเป็นผู้หญิงจะเรียกว่าทายิกา)
  • ความสำคัญของวันเข้าพรรษา

  • วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจาก วันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนต่างเข้าวัดมาทำบุญ โดยความสำคัญของวันเข้าพรรษานั้นคือ

  • พระสงฆ์จะได้อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเต็มที่ในขณะที่จำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน
  • เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศล เช่น ถวายผ้าอาบน้ำฝน การหล่อเทียนพรรษา เข้าวัด ทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และยังได้มีโอกาสในการฟังเทศน์ฟังธรรมตลอดเวลาเข้าพรรษา 
  • เป็นเทศกาล “งดเหล้าเข้าพรรษา” สำหรับพระพุทธศาสนิกชน เพื่อให้ลดละเลิกสิ่งอบายมุขและของมึนเมา แล้วให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญทาน รักษาศีลฟังธรรม และเจริญภาวนามากยิ่งขึ้น
  • ให้พระสงฆ์ได้หยุดพักจากการไปเผยแพร่ศาสนาตามที่ต่าง ๆ และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดการเหยียบย่ำการปลูกพืชพันธ์ของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในฤดูฝน 
  • หลังจากที่พระสงฆ์ได้ออกเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 – 9 เดือน ในช่วงวันเข้าพรรษาจะเป็นช่วงที่ให้พระสงฆ์ได้หยุดพักผ่อน
  • กิจกรรมวันเข้าพรรษาของชาวพุทธ

    ประเพณีวันเข้าพรรษาไม่ใช่เป็นแค่เพียงช่วงที่พระสงฆ์ถือศีลเข้าพรรษาเพียงฝ่ายเดียว แต่พุทธศาสนิกชนยังถือโอกาสได้บำเพ็ญกุศลด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการทำพิธีทางศาสนาที่จะต้องทำในประเพณีเข้าพรรษาด้วยเช่นกัน พิธีทางศาสนาที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายที่มักทำกันในช่วงวันเข้าพรรษา มีดังนี้

    1. การหล่อและถวายเทียนพรรษา

    การหล่อและถวายเทียนพรรษานั้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำคัญและนิยมทำกันในช่วงวันเข้าพรรษาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าปัจจุบันการหล่อเทียนพรรษานั้นอาจจะไม่ได้จำเป็นมากนัก แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ได้รับการส่งเสริม และให้ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีความสำคัญ สำหรับประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ที่ทำสืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งการหล่อและถวายเทียนเข้าพรรษา ได้กลายมาเป็นประเพณีแห่เทียนพรรษาที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทยคือที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งประชาชนได้ชมความสวยงามวิจิตรตระการตาของขบวนแห่เทียนพรรษา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟฟ้า แต่ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาก็ยังคงอยู่ไว้เช่นเดิม

  • 2. การถวายผ้าอาบน้ำฝนและจตุปัจจัย

    พิธีนี้จะทำในประเพณีเข้าพรรษา ซึ่งผ้าอาบน้ำฝนหรือผ้าวัสสิกสาฏก เป็นผ้าที่ใช้สำหรับเปลี่ยนสรงน้ำสำหรับพระสงฆ์ เหตุที่ต้องถวายผ้าอาบน้ำฝนเพราะเนื่องจากในสมัยพุทธกาล พระสงฆ์มีผ้าสบงเพียงผืนเดียว จึงจำเป็นจะต้องเปลือยกายเวลาอาบน้ำ ทำให้ดูไม่งาม นางวิสาขาจึงทำการถวายผ้าอาบน้ำฝนให้พระสงฆ์เป็นคนแรก และทำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในวันเข้าพรรษาต่อ ๆ กันมาถึงปัจจุบัน

  • 3. การเข้าวัดทำบุญใส่บาตร 

    การเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ถือเป็นกิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคน มักจะทำในช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตาม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะเป็น วันเข้าพรรษา 2567 ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการทำบุญต่อเนื่องกันสองวันต่อจากวันอาสาฬหบูชา โดยคนส่วนใหญ่ที่เข้าวัดในช่วงวันเข้าพรรษานั้นก็มักจะเข้าไปทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา หรือบางคนเลือกที่จะบวชพระภิกษุเพื่อ เพื่ออยู่จำพรรษตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน หรือที่เรียกว่า “การบวชเอาพรรษา” นั่นเอง สำหรับการรักษาศีล ใส่ชุดปฏิบัติธรรม ทำจิตใจให้ผ่องใส และกิจกรรมตักบาตรมีด้วยกันหลายวัด เช่น วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มีการตักบาตรดอกไม้เป็นประจำทุกปี และวัดในกรุงเทพฯ เช่น วัดบวรนิเวศฯ วัดเบญจมบพิตร วัดราชบพิธฯ ฯ ใครอยากจะลองตักบาตรดอกไม้ในช่วงวันเข้าพรรษาก็ลองไปที่วัดดังกล่าวได้เลย


  •  

  • 4. ร่วมฟังเทศน์มหาชาติ

    นอกจากการเข้าวัดทำบุญตักบาตรแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมฟังเทศน์มหาชาติ ถือเป็นหนึ่งในประเพณีเทศน์มหาชาติจะจัดในเทศกาลวันเข้าพรรษา 2567 การเทศน์มหาชาติ คือการเทศนาเวสสันดรชาดก โดยจะแบ่งการพรรณาออกเป็นตอน ๆ ทั้งหมด 13 กัณฑ์ เชื่อว่าหากใครที่ฟังเทศน์มหาชาติจบทั้งหมด 13 กัณฑ์จะได้ไปสุคติภูมิ หรือเกิดบนสวรรค์ และการฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียวจะได้รับอานิสงส์เป็นอย่างมาก

    5. ละเว้น/งดเว้น อบายมุขต่าง ๆ

    สำหรับการละเว้น งดเง้น และอบายมุขต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรม “งดเหล้าเข้าพรรษา” เป็นกิจกรรมที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้การสนับสนุน จัดแคมเปญงดเหล้าเข้าพรรษา ถึงแม้ว่าการงดเหล้าจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 3 เดือน อาจจะไม่เพียงพอต่อการงดเหล้า เพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี แต่ยังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเลิกเหล้าไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ 

    6. ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว

    สำหรับวันเข้าพรรษา 2567 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2567 เนื่องในโอกาสเป็นวันสำคัญทางพระพุทธทางศาสนา ทุกคนควรพิจารณาใช้เวลาได้อยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรมวันเข้าพรรษา เช่น ตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม ไหว้พระ สวดมนต์